ก็อบเขามา // ทางฟิสิกส์พบว่า ในจักรวาลประกอบด้วยแรงพื้นฐาน 4 อย่างคือ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียแบบแข็ง และแรงนิวเคลียแบบอ่อน มีทฤษฎีที่ใช้ในการอธิบายแรงทั้ง 4 อยู่ 2 ทฤษฎีคือ ทฤษฎีสัมพันธภาพใช้อธิบายแรงโน้มถ่วง และควอนตัมใช้อธิบายแรงที่เหลือ ไอสไตน์ได้พยายามใช้เวลา 30 ปีสุดท้ายในการรวมทฤษฎีทั้งสองเข้าด้วยกัน แต่ทำไม่สำเร็จ จนต่อมามีการพัฒนา String Theory ขึ้นรวมแรงทั้ง 4 หรือทฤษฎีทั้ง 2 ข้างต้นเข้าด้วยกัน และได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น Super String, M-Theory และ F-Theory ในปัจจุบัน โดยผลจากทฤษฎีดังกล่าว การรวมแรงจะต้องทำในมิติที่เหนือกว่า 4 มิติของ Space-Time ขึ้นไป จึงส่งผลให้สมการที่ได้แสดงถึงภาวะของจักรวาลที่มีถึง 10 มิติหรือมากกว่า จากจุดนี้เอง ที่ทำให้หวนมาคิดถึงโครงสร้างของจักรวาลในศาสนาส่วนใหญ่ที่เชื่อกันว่า เป็นภพภูมิที่ซ้อนกันอยู่มีทั้งหยาบและละเอียด จึงอาจเป็นไปได้ที่จะใช้อธิบายเรื่องสภาวะของมิติอื่นๆ เช่น นรกสวรรค์ ในอนาคต โดยปัจจุบันทฤษฎีข้างต้นค่อนข้างได้รับการยอมรับกันมาก แม้แต่นักฟิสิกส์เอกอย่างสตีเฟน ฮวอกิ้นเอง ใน Web site ที่เกี่ยวกับเขาก็มีเรื่องเหล่านี้อยู่มาก (ผู้สนใจสามารถค้นหาจาก Web site ที่เป็น Search Engin ต่างๆ โดยใช้ Keyword เป็น String theory จะมีข้อมูลให้เลือกดูมากมาย) โดยทฤษฎีนี้จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์หลายอย่าง เช่น ภาวะก่อนเกิด Big-Bang การเดินทางข้ามเวลา หรือ Hyperspace สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องเหล่านี้ก็สามารถค้นคว้าได้ตามความต้องการ//
ขอตั้งข้อสังเกตเล็กน้อย
สมมตินะ แล้วถ้าเกิดมีเทวดาจริงๆ แล้วคุณพิสูจน์ได้จากวิทยาศาสตร์ ว่ามีรูปร่างเหมือนคน ในมิติอื่นๆ แต่ถ้าเขาไม่มีเลือดเนื้อ ไม่ดื่มไม่กิน ไม่ต้องหายใจ ไม่มีระบบสืบพันธุ์ มันก็จะขัดกับกฏที่เราบัญญัติขึ้นในโลก ว่านั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต รึเปล่า ทั้งที่เราก็พิสูจน์ได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เนี่ย
อันนี้ แค่อยากให้ลองคิดดูว่า นิยามสิ่งมีชีวิต แห่งอื่นอาจไม่เหมือนที่โลกเรา ดังนั้นต้องเปิดกว้างยอมรับเรื่องใหม่ๆไปก่อน อย่ายึดติดกัยพื้นฐานความคิดเดิม เพราะที่เรารู้เราเรียนมามันไม่ใช้ทั้งหมดทั้งมวล ที่ถูกต้องเพียบพร้อม
ขอตั้งข้อสังเกตเล็กน้อย
สมมตินะ แล้วถ้าเกิดมีเทวดาจริงๆ แล้วคุณพิสูจน์ได้จากวิทยาศาสตร์ ว่ามีรูปร่างเหมือนคน ในมิติอื่นๆ แต่ถ้าเขาไม่มีเลือดเนื้อ ไม่ดื่มไม่กิน ไม่ต้องหายใจ ไม่มีระบบสืบพันธุ์ มันก็จะขัดกับกฏที่เราบัญญัติขึ้นในโลก ว่านั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต รึเปล่า ทั้งที่เราก็พิสูจน์ได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เนี่ย
อันนี้ แค่อยากให้ลองคิดดูว่า นิยามสิ่งมีชีวิต แห่งอื่นอาจไม่เหมือนที่โลกเรา ดังนั้นต้องเปิดกว้างยอมรับเรื่องใหม่ๆไปก่อน อย่ายึดติดกัยพื้นฐานความคิดเดิม เพราะที่เรารู้เราเรียนมามันไม่ใช้ทั้งหมดทั้งมวล ที่ถูกต้องเพียบพร้อม
เชื่ออย่างไม่ต้องคิดว่ามี ในจักรวาลใบนี้ มีดาวกี่ล้านๆๆ ดวง มันคงเป็นไปไม่ได้ ที่ว่าโลกจะมีสิ่งมีชีวิตเพียงดวงเดียว เเละคนที่น่าจะรู้ดีที่สุด คือ นาซ่า ซึ้งปิดบังความจริง ต่างๆๆๆๆ ไว้มากมาย เพราะมีข่าวว่ามีคนพบจานบินตลอดเเละเมกาก้อเคยจับมนุษย์ต่างดาวได้ มีข่าวกระทั่ง เมกาเเละสหรัฐได้ร่วมมือกับต่างดาวในการวิจัยต่างๆๆๆ พออ่านเเล้วก็ฉุกคิดบางทีอาจเป็นไปได้ ทั้งเรื่อง area 51 จานบินที่เห็นกันบ่อยบ้างก็ว่าเป็นของเกาเองที่เอามาฝึกผิด เเละที่อ่านเเล้วผมสนใจมากคือเรื่องที่เมกาอาจมีการตกลงกะต่างดาว ผมอ่านเเร้วกะไม่เชื่อเเต่พอมองหลายเเง่มุม เราเป็นคนเหมือนกัน เเต่ทำไมเมกาจองมีวิทยาการที่เหนือเรามาก ได้ความรู้นั้นมาจากไหน ทำไมมนุษย์ชาตออื่นจิงไม่รู้เท่าเค้า ตอนเเต่ศึกษาวิทยาการจาก จน วันนี้เมกา ได้ทำโครงการแฮฟ ขึ้นมาเป็นเครื่องเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศได้ สามารยิงไปชั้นโอโซนเพื่อให้เกิดช่องโหวาของชั้นบรรยากาศได้ เเละเจ้าเครื่องนี้ยังสามารทำให้น้ำได้ดินเดือน เกิดเเผ่นดินไหวได้ เกิดภูเขาระเบิดได้ อีกทั้งทฤษฎีสมคบคิดต่างๆๆๆๆ เช่นการจัดระเบียบโลกใหม่บ้าง ฟรีเเมนบ้าง หลายเเหล่ ผมเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก นับวันก็ยิ่งโดนขุดคุ้ย
