หากถามว่าอะไรคือสัญลักษณ์ของมุสลิม ถ้าจะพูดถึงตัวบุคคลก็คือ การแต่งกาย การไว้เครา การคลุมหิญาบ การละหมาด เป็นต้น แต่หากพูดถึงโลโก้ สัญลักษณ์ของมุสลิมที่มีก็คือ ธงสีดำ ซึ่งใช้ในสงครามในยุคของท่านศาสดา หรือสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยว หรือจันทร์เสี้ยวและดวงดาว ซึ่งใช้แทนตัวอักษรนูน อันเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพมุสลิมในสมัยครูเสด ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นธงชาติตุรกีอดีตเมืองหลวงอาณาจักรอิสลาม และประเทศมุสลิมอื่น ๆ รวมทั้งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมัสญิด ร้านค้า องค์กร เว็บไซท์ ฯลฯ ซึ่งใช้สัญลักษณ์นี้เป็นการแสดงตัวตนว่าเป็นมุสลิม
เช่นเดียวกันสำหรับอิลลูมินาติ ลัทธิบูชาซาตานซึ่งเป็นปรปักษ์กับอิสลามนั้น เขาก็มีสัญลักษณ์ที่จะแสดงตัวตนให้พลพรรคของเขาได้รู้กัน เนื่องจากอิลลูมินาติได้ครอบครองโลก และมีบทบาทไปทุกวงการ ก็จะมีการใช้สัญลักษณ์ของพวกเขาปรากฏตามโลโก้ของกลุ่ม องค์กร ยี่ห้อ ธงชาติ หรือแม้แต่สัญลักษณ์ที่ใช้ในศาสนาลัทธิต่าง ๆ
พวกอิลลูมินาติให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์และรหัสลับมาก เพราะอดีตพวกเขาคือองค์กรลับ เป็นลัทธิที่ทำงานอย่างลับ ๆ และคนกลุ่มนี้จะมีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะ จึงมักออกแบบสัญลักษณ์ซึ่งแสดงความเป็นอิลลูมินาติสอดแทรกอยู่ได้อย่างลงตัว ซึ่งต่อไปนี้เราจะค่อย ๆ มาเรียนรู้สัญลักษณ์ของพวกเขา ซึ่งบางโลโก้นั้นเราก็คุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี
สัญลักษณ์อิลลูมินาติเบื้องต้น จะมีรูปพีรามิด และถัดจากนั้นสัญลักษณ์ต่อมาคือรูปดวงตา
ซึ่งเรียกว่า “ดวงตารู้แจ้ง” (Seeing Eye) เป็นการบูชาลูซิเฟอร์ (ซาตาน) เนื่องจากอิลลูมินาติเชื่อว่ามนุษย์นั้นถูกพระเจ้าครอบงำและกดขี่ ส่วนซาตานคือผู้ให้แสงสว่างแก่มนุษย์
คำว่า “ซาตาน” มาจากภาษาอาหรับว่า “ชัยฏอน” ซึ่งหมายถึงผู้ที่ถูกแช่งหรือถูกขับไล่ ส่วน “ลูซิเฟอร์” นั้นไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของมัน ชื่อของมันคือ “อิบลีส” แต่คำว่าลูซิเฟอร์เป็นคำที่พวกอิลลูมนาติตั้งให้เอง ซึ่งหมายถึง ดาวประกายพรึก หรือผู้ที่ให้แสงสว่าง (และแล้วอิลลูมินาติก็หลอกให้ชาวคริสต์เรียกซาตานด้วยชื่อนี้) นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่ามีสัญลักษณ์ที่ปรากฏออกมาอีกคือ แสงสว่างหรือรัศมีของดวงอาทิตย์ ก็มักนิยมใช้เช่นเดียวกัน
ส่วนงูคงไม่เป็นที่สงสัย เพราะในอิสลามนั้นท่านนบีก็ได้บอกว่าชัยฏอนจะจำแลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะงู และสำหรับอิลลูมินาติถือว่าลูซิเฟอร์นั้นได้จำแลงร่างเป็นงูมากระซิบนบีอาดัมให้กินผลไม้ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระเจ้า นั่นหมายความว่าลูซิเฟอร์เป็นผู้ให้แสงสว่างให้ปัญญาแก่อาดัมนั่นเอง
*ตรงนี้ช่างน่าขัน ที่อิลลูมินาติอ้างว่าอาดัมได้รับปัญญาจึงรู้จักความละอายและหาเครื่องนุ่งห่ม แต่ทว่าอิลลูมินาติกลับล้างสมองชาวโลกให้ไร้ปัญญาโดยการปลดเครื่องนุ่งห่มและเปลือยกาย ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันมาดูกันว่า โลโก้เหล่านี้เรารู้จักกันดีหรือไม่ ?
บิกบราเทอร์ รายการทีวีแห่งการเสแสร้งและมั่วสุม
ฮอลลีวูด เครื่องมือล้างสมองอันดับหนึ่งของโลก อยากให้ชาวโลกเป็นแบบไหน คิดแบบไหน
เชื่อแบบไหน สามารถป้อนได้ทางภาพยนตร์
ไม่ใช่แค่หอยธรรมดา แต่มันยังเป็นดวงอาทิตย์ที่เจิดจรัสอีกด้วย
วิธีซ่อนพีรามิดไว้แบบง่าย ๆ
อิลลูมินาติมีความนิยมในเรื่องรูปสมมาตร สามารถมองได้จากหลายด้าน ซึ่งแดน บราวน์ได้ออกแบบตราประทับของอิลลูมินาติไว้ในวรรณกรรมของเขาเรื่อง “เทวา กับ ซาตาน” (Angels and Demons) ไว้ดังนี้
คำว่า “อิลลูมินาติ” รูปนี้ (เมื่อพลิกกลับหัว) สามารถอ่านได้สองด้าน เช่นเดียวกับคำว่า “Earth” “Air” “Fire” “Water” (ดิน ลม ไฟ น้ำ) ก็สามารถอ่านกลับหัวได้เช่นกัน
ธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถือเป็นปรัชญาแห่งอิลลูมินาติ เป็นเครื่องหมายแห่งการเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง การเปลี่ยนแปลง และการหล่อเลี้ยงชีวิต ซึ่งถูกนำไปใช้ในลัทธิศาสนาต่างๆ และเป็นที่มาของสวัสดิกะในศาสนาฮินดูและพุทธ ซึ่งสามารถมองได้จากสี่ด้าน เช่นเดียวกับ “หยิน-หยาง” เครื่องหมายของความสมดุล ซึ่งสามารถมองได้สองด้าน ต่างก็เป็นปรัชญาอิลลูมินาติทั้งสิ้น
โลโก้ของกลุ่มพันธมิตร ฯ รูปมือประสานภราดรภาพนั้น เป็นสวัสดิกะที่หมุนไปทิศเดียวกับนาซี
ส่วนโลโก้ของพรรคการเมืองใหม่ เป็นสวัสดิกะที่หมุนทิศเดียวกับของพุทธ
รูปพีรามิดที่ใช้สามเหลี่ยมตัดออกสามด้าน รูปสี่เหลี่ยมทั้งสามนี้สามารถมองได้จากสามด้าน
เบนซ์โลโก้ซ่อนรูปพีรามิด มองได้จากสามด้าน ส่วนบีเอ็มดับบลิวใช้รูปสมมาตรมองได้สีละสองด้าน
หลังสงครามโลก ยักษ์ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างร่ำรวยและมีธุรกิจที่ใหญ่โตระดับโลก
บุตรของพระเจ้า หรือ บุตรของดวงอาทิตย์ ?
การสถาปนาโรมันคาทอลิกของคอนสแตนติน บวกกับนักบุญเปาโลแห่งอิลลูมินาติ
ได้บิดเบือนศาสนาของศาสดาเยซู (อีซา) ศาสนทูตคนหนึ่งของพระเจ้า
ให้ท่านกลายเป็นบุตรของพระเจ้า และถูกบูชาประหนึ่งพระเจ้า
แต่แท้จริง มันคือการถูกหลอกให้บูชาดวงอาทิตย์
จะมองทั้งสี่ด้านก็ยังเป็นเครื่องหมาย +
เรื่องการที่ศาสดาเยซูไม่ถูกตรึงไม้กางเขนนั้น เป็นความลับในขณะที่ท่านถูกตามล่า มนุษย์ที่รู้ความจริงคือเหล่าสาวกของท่านเอง เพราะทุกคนต่างอยู่ในห้องที่ท่านหลบซ่อน และจากนั้นเองท่านเยซูก็ได้ถูกยกขึ้นไปบนชั้นฟ้า ซึ่งคนที่อยู่ข้างนอกล้วนแล้วไม่รู้ข้อเท็จจริงตรงนี้ จึงได้เห็นแต่ชายที่หน้าเหมือนท่านถูกตรึงกางเขนเสียชีวิต
ฉะนั้นทั้งอิลลูมินาติ ยิว และคริสตชน ล้วนแล้วรู้ในประวัติปลอมทั้งสิ้น ส่วนผู้ที่ศรัทธาในพระดำรัสของพระเจ้า คือคัมภีร์อัลกุรอานเท่านั้นจึงจะได้รู้ข้อมูลที่แท้จริง ส่วนสำหรับพวกยิวและผู้ที่พยายามฆ่านบีอีซา (เยซู) นั้นพวกเขามีแต่ความสงสัย ไม่แน่ใจว่าตกลงเขาได้ฆ่าแล้วหรือไม่ ฆ่าถูกคนหรือไม่ แต่พวกเขาก็ได้ป่าวประกาศให้ผู้คนเข้าใจผิดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (อิลลูมินาติก็ยังคงหลอกลวงชาวโลกอยู่)
“และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีหฺ (เมสิอาห์) อีซาบุตรของมัรยัม ศาสนทูตของอัลลอฮฺ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าชายผู้นั้นถูกทำให้ดูเหมือนสำหรับพวกเขา และแท้จริงผู้ที่ขัดแย้งเกี่ยวกับตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับตัวเขา พวกเขาหาได้มีความรู้ใด ๆ เกี่ยวกับเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าด้วยความแน่ใจ”
“หามิได้ อัลลอฮฺได้ยกเขา (อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ” (คำแปลอัลกุรอาน 4:157-158)